ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 อเมริกาเผชิญกับวิกฤตเนื้อสัตว์ ประชากรขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่แหล่งเนื้อสัตว์แบบดั้งเดิมไม่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการ เนื้อวัว หมู และแกะมีราคาแพงเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่ วิกฤตินี้กระตุ้นให้มีการค้นหาแหล่งโปรตีนใหม่ๆ และหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดคือ ฮิปโปโปเตมัส

ฮิปโปโปเตมัสมีขนาดใหญ่ แข็งแรง และมีเนื้อจำนวนมาก พวกมันอาศัยอยู่ในแอฟริกา แต่ในศตวรรษที่ 19 เทคโนโลยีการขนส่งใหม่ๆ ทำให้การนำเข้าสัตว์ป่าจากต่างประเทศเป็นไปได้ นักธุรกิจบางคนมองเห็นโอกาสที่จะนำเข้าฮิปโปมาเลี้ยงในฟาร์มและขายเนื้อในอเมริกา

ในปี 1870 ฮิปโปโปเตมัสตัวแรกถูกนำเข้ามายังอเมริกา มันถูกจัดแสดงที่สวนสัตว์ Cincinnati Zoo สัตว์ชนิดนี้สร้างความสนใจอย่างมาก ผู้คนต่างแห่กันมาดูมัน ความสำเร็จของฮิปโปตัวแรกกระตุ้นให้นักธุรกิจนำเข้าฮิปโปมาเพิ่มเติม

ฟาร์มฮิปโปเริ่มปรากฏขึ้นทั่วอเมริกา ฟาร์มเหล่านี้มักตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เช่น แม่น้ำหรือทะเลสาบ ฮิปโปถูกเลี้ยงในคอกขนาดใหญ่ พวกมันกินหญ้า ฟาง และพืชน้ำ

เนื้อฮิปโปมีสีแดงเข้ม คล้ายเนื้อวัว รสชาติของมันถูกอธิบายว่าอร่อย แต่มีไขมันค่อนข้างสูง เนื้อฮิปโปได้รับความนิยมในหมู่คนบางกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ชนชั้นแรงงาน อย่างไรก็ตาม หลายคนไม่ชอบรสชาติและเนื้อสัมผัสของมัน

ฟาร์มฮิปโปประสบปัญหาหลายประการ ประการแรก ฮิปโปเป็นสัตว์ที่ดุร้าย พวกมันโจมตีทั้งมนุษย์และสัตว์อื่นๆ หลายคนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการถูกฮิปโปโจมตี ประการที่สอง ฮิปโปเป็นโรคได้ง่าย โรคระบาดหลายครั้งทำให้ฟาร์มฮิปโปสูญเสียสัตว์จำนวนมาก ประการที่สาม ต้นทุนในการเลี้ยงฮิปโปนั้นสูง พวกมันต้องการอาหารและพื้นที่จำนวนมาก

ในช่วงทศวรรษ 1890 ความนิยมของเนื้อฮิปโปเริ่มลดลง เนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น เนื้อไก่และเนื้อสัตว์ป่าราคาถูกลง ฟาร์มฮิปโปหลายแห่งถูกปิดตัวลง ฮิปโปที่เหลือถูกขายให้กับสวนสัตว์หรือปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ

ในปัจจุบัน ฮิปโปไม่ได้ถูกเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารในอเมริกา พวกมันถูกมองว่าเป็นสัตว์ป่าที่อันตราย อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของฮิปโปในอเมริกาก็ยังคงเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ มันเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามของมนุษย์ในการค้นหาแหล่งอาหารใหม่ ๆ และความท้าทายที่เกิดขึ้นเมื่อพยายามนำสัตว์ป่ามาใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *